Wat Si Ubon Rattanaram

The must visit for blessing and bathing the holy topaz Buddha in Songkran Ubon. Year over year, maybe back to 50 years before my childhood, this becomes very meaningful tradition.

วัดศรีอุบลรัตนาราม อำเภอเมือง อุบลราชธานี มีพระแก้วบุษราคัม จะนำออกมาให้ประชาชนสรงน้ำปีละครั้งเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น

เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวไปช่วงสงกรานต์เห็นผู้คนเข้าวัดทำบุญกันเยอะ มีรดน้ำพระ ผู้สูงอายุ ประเพณีที่งดงามมีก่อเจดีย์ทรายวัดมีอุโบสถที่งดงาม แต่อาจมีบางพื้นที่ดูสกปรกไม่สะอาด ทำให้ไม่งดงาม พระแก้วบุษราคัมของงดงามมากมาก 17-04-2566

It is a royal temple built in 1855 during the reign of King Rama IV of the CHakri dynasty. The temple was later patronized by Princess Ubon Ratanaratchkanya and the name was changed to Wat Si Ubon Rattanaram. The main image of Buddha in the attitude of subjugating Mara is known as Topaz Buddha, Phra Kaeo Busarakham, with 3 inches in width and 5 inches in height. It has been said that this Buddha image was brought from Si Sattanakanahut, Laos.

เป็นวัดประดิษฐานพระแก้วบุษราคัมเนื้อเป็นแก้วบุษราคัมทั้งองค์มีความเก่าแก่ เป็นพระองค์สำคัญของเมืองอุบล มีพิธีสรงน้ำในวันสงกรานต์และจัดแห่รอบเมืองอุบล.

ได้มาเวียนเทียนที่นี่ในวันเข้าพรรษาพอดี เป็นครั้งแรกที่เวียนเทียนตอนบ่าย ทางวัดจัดกิจกรรมหลายอย่างมีร้านค้า บริเวณรอบวัด

วัดศรีอุบลรัตนารามสร้างเมื่อปีเถาะ พ. ศ. 2398 ตรงกับ ร. ศ. 74 เป็นปีที่ 5 แห่งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี โดยเป็นวัดธรรมยุตแห่งที่ 2 ของภาคอีสาน ต่อจากวัดสุปัฏนารามวรวิหาร สถานที่ตั้งวัด เดิมเป็นสวนของเจ้าอุปฮาดโท (ต้นตระกูล ณ อุบล) มีศรัทธาบริจาคที่ดินประมาณ 25 ไร่ สำหรับสร้างวัดของสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย โดยระหว่างการถวายที่ดินต่อหน้าพระเถระ ยกให้เป็นสมบัติในศาสนาพุทธเพื่อเป็นที่ตั้งวัด ในยามราตรีของวันนั้น เกิดนิมิตประหลาดขึ้น คือมีแสงสว่างพวยพุ่งขึ้นเป็นสีเหลืองทองภายในบริเวณสวนนั้น จึงได้ถือนิมิตมงคลนี้ ตั้งชื่อวัดว่า "วัดศรีทอง"
ฝ่ายคณะสงฆ์มีท่านเทวธัมมี (ม้าว) ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก เริ่มก่อสร้างกุฏิ วิหาร ศาลการเปรียญ เมื่อปี พ. ศ. 2398 ตามประวัติท่านเทวธัมมี ได้ไปรับการศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เป็นสามเณร และได้เป็นสัทธิวิหาริกของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งผนวช จึงได้ถือลัทธิธรรมยุติกนิกายสืบสายมาตั้งคณะธรรมยุติกนิกายที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติกนิกายแห่งแรกในภาคอีสาน โดยมีท่านพันธุโล (ดี) เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ดังนั้น ท่านเทวธัมมี จึงถือว่าเป็นพระเถระที่มีศักดิ์ใหญ่ เป็นที่เคารพยำเกรงของบรรดาเหล่าพระภิกษุสามเณรข้าราชการ ตลอดจนประชาชนทั้งหลายในสมัยนั้น
ภายในวัดมีพระแก้วบุษราคัม หนึ่งในพระแก้วสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถที่จำลองแบบมาจากพระอุโบสถของวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ภายในวัดมีพระแก้วบุษราคัม หนึ่งในพระแก้วสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถที่จำลองแบบมาจากพระอุโบสถของวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

วัดศรีอุบลรัตนารามหรือวัดศรีทอง สังกัดธรรมยุตินิกาย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ภายในพระอุโบสถที่จำลองแบบมาจากพระอุโบสถของวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

มีพระแก้วบุษราคัม ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๓ นิ้ว สูงประมาณ ๕ นิ้ว สกุลช่างเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุษราคัม (แก้วมณีสีเหลือง) ทึบทั้งแท่น มีสังวาลประดับที่องค์พระ ฐานหุ้มด้วยทองคำ อายุนานนับพันปี ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาพระแก้วสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานีที่มีดังต่อไปนี้

-พระแก้วไพฑูรย์ วัดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

-พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง วัดสุปัฎนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

-พระแก้วโกเมน วัดมณีวนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

-พระแก้วนิลกาฬ วัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

-พระแก้วมรกต วัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

วัดศรีอุบลรัตนาราม อีกหนึ่งวัดในตัวเมืองอุบล ที่สงบและทรงคุณค่าด้วยโบราณวัตถุ

เดิมชื่อวัดศรีทอง เป็นวัดธรรมยุติกนิกายแห่งแรกในภาคอีสาน สร้างเมื่อ พ. ศ. 2398 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดศรีอุบลรัตนาราม ในปี พ. ศ. 2511 ตามนามขององค์อุปถัมภ์ (ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ)

พระอุโบสถสร้างตามแบบวัดเบญจมบพิตร ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม พระพุทธคู่บ้านคู่เมือง ปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุษราคัม (องค์เล็ก)

มีพิพิธภัณฑ์ศรีอุบลรัตนาราม ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางมารวิชัย สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ขนาดใหญ่ และวัตถุโบราณต่าง ๆ ซึ่งมีอายุนับร้อยปี ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เช่น พระพุทธแบบล้านช้าง ตู้ลายรดน้ำปิดทอง ผ้าห่อคัมภีร์ ของแต่ละชิ้นล้วนงดงามเก่าแก่ เสียแต่ฝุ่นเยอะไปนิด และต้องถอดรองเท้าตลอดการเยี่ยมชม

ทางวัดไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในพิพิธภัณฑ์  ส่วนบริเวณอื่นสามารถถ่ายได้ปกติ และสามารถนำรถเข้าไปจอดภายในวัดได้

Temple grounds offer a pleasant retreat from city life. There's a temple museum in a large wooden hall on the northern side that's good to visit; no admission, no photos.

บ้านใกล้วัดตั้งแต่วัยเด็กกระดูปู่ย่าอยู่วัดและบรรพษุรุษสายขึ้นไปก็น่าจะอยู่นี่ คุ้นเคยกับวัดและพระในวัด แม่เป็นโยมวัดมาตลอดอายุขัย ก็เจริญรอยตาม อาจไม่ดีเท่าแม่ทำไว้

วัดศรีอุบลรัตนาราม เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม มีจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ พระพุทธรูป สิ่งของมีค่าคู่เมืองอุบล

เป็นวัดที่อยู่คนละฝั่งถนนกับทุ่งศรีเมือง เข้าเงียบ สงบ บรรยากาศดี มีต้นไม้ให้พออาศัยหลบแดดเยอะไม่ร้อนพระอุโบสถ งดงาม พระประธานในโบสถ์ งาม สง่า งดงามครับ บริเวณวัด กว้างขวางพอสมควร ที่จอดรถมี ห้องน้ำสะอาด เป็นวัดที่อยู่ในเมือง แต่เงียบ สงบดี ครับ

วัดศรีอุบลรัตนาราม เดิมชื่อ วัดศรีทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ พระแก้วบุษราคัม หนึ่งในพระแก้วนพรัตน์ แห่งเมืองอุบลฯ
ภายในวัด ร่มรื่น กว้างขวาง มีพิพิธภัณฑ์ มีวิหารอื่น ๆ อีกหลายหลังให้ชม

Goid quality food, good prices, big portiins, good atmosphere, pleasant staff with good service.

จริงๆไม่ได้เข้าวัดแต่เข้ามาที่โรงเรียนมูลนิธิวันศรีอุบล เพื่อนำแบบทดสอบมา Tryout โรงเรียนร่มรื่น นักเรียนน่ารัก

มากราบพระที่นี่ประจำคะ รู้สึกสงบ ไหว้พระที่วิหารจุดธุปเทียนดอกบัวเงินทองซึ่งมีให้พร้อมบริจาคตามจิตศรัทธาคะ สามารถถวายพวงมาลัยได้แต่ต้องนำมาเองคะ ที่โบสถ์จะถวายดอกไม้หรือพวงมาลัยบนพานไม่ให้จุดธูปนะคะ. ถ้าได้มาช่วงวันสงกรานต์จะได้มีโอกาสสรงน้ำพระแก้วบุษราคัมด้วยนะคะ.

วัดศรีอุบลรัตนารามเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอุบลราชธานีมาช้านาน​ พระแก้วบุษราคัมเป็นที่เคารพสักการะยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ​ ทุกเทศกาลสงกรานต์ขอเชิญนักท่องเที่ยวมาแวะเที่ยวชมสักการะสรงน้ำพระแก้วบุษราคัมเพื่อความร่มเย็นให้กับตัวเองและครอบครัว​ พระอุโบสถมีความคล้ายคลึงกับวัดพระแก้วครับ​ สวยสงบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ในพุทธประวัติ​

วัดศรีอุบลรัตนาราม (วัดศรีทอง) สร้างเมื่อ พ. ศ. ๒๓๙๘ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองคือ พระแก้วบุษราคัม เป็นพระพุทธปฏิมากรปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุศราคัม

ตามตำนานเล่ากันว่าพระวรราชภักดี (พระวอ) พร้อมด้วยบุตรหลานของพระตาคือ ท้าวคำผง ท้าวทิดพรหมและท้าวก่ำ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี ได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์)