Wat PA Mai Daeng
Address | 119 หมู่ 9, Nong Bua, Chai Prakan District, Chiang Mai, Thailand |
Phone | +66 53 457 907 |
Categories | Buddhist Temple, Tourist Attraction |
Rating | 4.9 13 reviews |
วัดป่าไม้แดง | |
Similar companies nearby Wat Suan Dok — 139 Suthep Rd, Tambon Su Thep, Mueang Chiang Mai District, Chiang Mai Wat Loi Khro — 65 Loi Kroh Rd, Tambon Chang Moi, Mueang Chiang Mai District, Chiang Mai Wat Si Don Muun — Chumphu, Saraphi District, Chiang Mai Wat Umong Suan Phutthatham — Suthep, Mueang Chiang Mai District, Chiang Mai |
Wat PA Mai Daeng reviews
13กราบไหว้ อฐิษฐาน ให้กลับมาพบความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ รุ่งเรือง และนั่งสมาธิเจริญภาวนาได้สงบอย่างดีมากครับ สาธุ สาธุ สาธุ
วัดพระเจ้าพรหมมหาราช หรือ วัดป่าไม้แดง ตั้งอยู่ในตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ วัดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของคนในชุมชน ทั้งอุโบสถและเจดีย์มีความวิจิตรงดงามตามแบบศิลปะล้านนา และยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช อีกด้วย
พระราชประวัติพระเจ้าพรหมมหาราช
ในรัชสมัยของพระเจ้าพรหมมหาราชทรงครองราชย์อยู่ ณ เมืองไชยปราการนั้น บ้านเมืองในแว่นแคว้นโยนกเจริญรุ่งเรืองเต็มไปด้วยความวัฒนาผาสุก พระเกียรติยศของพระองค์รุ่งเรืองปรากฏไปทั่วทุกทิศ เหล่าปัจจามิตรก็มิอาจหล้ามาราวีด้วยเกรงในพระบรมเดชานุภาพและบุญญาธิการของพระองค์ ดูเหมือนพระองค์จะทรงถือกำเนิดมาเพื่อปราบยุคเข็ญในยามที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในมือของคนต่างชาติ
พระองค์ทรงถือกำเนิดมาเพื่อกอบกู้อิสรภาพของชาติไทยโดยแท้ เพราะในสมัยที่พระองค์ทรงถือกำเนิดมานั้น คือในปี พ. ศ. 1461 พระเจ้าพังคราชพระราชบิดาและพระมเหสีผู้เป็นมารดาของพระองค์ต้องถูกพวกขอมเนรเทศให้ออกจากอาณาจักรโยนกไปอยู่เมืองเล็กเมืองหนึ่ง เมืองนี้มีชื่อว่า “เวียงสีทวง” (ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย) ใกล้ ๆ ชายแดนพม่าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านปางห่าประมาณ 6 กิโลเมตร มีชื่อใหม่ว่า “บ้านเวียงแก้ว” แต่เดิมเรียกว่า “สี่ตวง” เป็นเมืองออกของไทย ปกครองโดยพวกลัวะ พอถึงปีที่ต้องนำทองคำสี่ตวงลูกมะตูมมาส่งให้เป็นบรรณาการ นานเข้าเรียกเพี้ยนเป็นเวียง “สี่ตวง”
เมื่ออยู่เวียงสี่ตวงได้ 1 ปี ก็ได้พระราชโอรสองค์แรกจะเป็นด้วยกำลังอยู่ในระหว่างตกทุกข์ได้ยาก จึงได้ตั้งพระนามพระโอรสว่า “ทุกขิตราชกุมาร” แต่ทุกขิตราชกุมารนี้ไม่ทรงสมบูรณ์ คือมีพระกำลังอ่อนแอ พระกายก็เกือบทุพพลภาพไม่แข็งแรง ครั้นอยู่ต่อมาอีกสองปี จึงได้พระราชโอรสองค์ที่สองนี้ เมื่อประสูติออกมานั้นมีพระวรกายงดงามทรงตั้งพระนามว่า “พรหมราชกุมาร” เพราะมีวรรณะผุดผ่องงดงามประหนึ่งพรหมพระองค์ประสูติในวันอาทิตย์ แรม 8 ค่ำ เดือน 6 เหนือ (คือเดือน 4 ใต้) ปีมะเส็ง พ. ศ. 1461
พระองค์จึงทรงประกาศอิสรภาพของชาติไทย ในปี พ. ศ. 1497 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่อาณาจักรโยนกหรือโยนกนาคพันธ์ ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของขอมมาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งเมื่อพระองค์แข็งเมืองขึ้นนั้นก็เป็นเหตุให้พวกขอมยกทัพใหญ่มาเพื่อจะทำการปราบปราม แต่พระองค์ก็หาได้เกรงกลัวแสนยานุภาพของขอมไม่ ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง 16 พรรษาเท่านั้น แต่ด้วยความรักชาติบ้านเมือง รักในความเป็นอิสรเสรี และด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าของพระองค์ในที่จะปลดแยกอาณาจักรโยนกออกจากการปกครองของพวกขอม พระองค์จึงยกกองทัพใหญ่ไล่จับพวกขอมที่เป็นชายฆ่าเสียเกือบหมด พวกที่รอดตายไปได้ คือพวกที่มาทาใต้
พระองค์จึงเสด็จหาที่ตั้งราชธานีใหม่ ในที่สุดก็เสด็จมาถึงบริเวณแม่น้ำฝาง เห็นเป็นที่ทำเลเหมาะดี ก็ทรงสร้างนครขึ้นที่นั่น เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงขนานนามเมืองว่า “เมืองไชยปราการ” แล้วพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติในปี พ. ศ. 1480 เมืองนั้นอยู่ห่างจากเมืองชัยบุรีเชียงแสน ระยะทางประมาณ 300 ก. ม. (คือเชียงแสนกับฝางปัจจุบันนี้) เมืองไชยปราการที่กล่าวถึงนี้โปรเฟสเซ่อรแคมแมน นักสำรวจโบราณวัตถุแห่งมหาวิทยาลัยมลรัฐเพ็นซิลวาเนีย อเมริกา ให้ข้อสันนิษฐานว่า เมืองไชยปราการที่พระเจ้าพรหมมหาราชทรงสร้างขึ้นนั้นมิใช่ตัวเมืองฝางปัจจุบันนี้ แต่เป็นเวียงริมน้ำฝางทางทิศตะวันออก อยู่ในท้องที่ตำบลแม่งอน ทางทิศใต้ของอำเภอฝาง มีระยะทาง 32 ก. ม. ยังปรากฏรากกำแพงเมือง ซุ้มประตู และซากพระราชฐาน พระราชวังอยู่โดยชัดแจ้ง ส่วนตัวเมืองฝางนั้นเป็นเมืองที่สร้างขึ้นในภายหลัง ในรัชสมัยพระเจ้าพรหมมหาราชเสด็จมาครองราชสมบัติ ณ เมืองไชยปราการนั้น แว่นแคว้นโยนก แบ่งออกเป็น 4 มหานคร คือ
ไชยบุรีเชียงแสน เป็นราชธานี ภายหลังได้จมลงสู่พื้นธรณีในสมัยพระเจ้าไชยมหาชนะ หรือพระเจ้ามหาไชยชนะครองราชสมบัติอยู่ ปัจจุบันอยู่ในท้องที่ท่าข้าวเปลือก ไกลจากที่ว่าการอำเภอเชียงแสนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ระยะทาง 112 ก. ม.
เวียงไชยนารายณ์ คือท้องที่อำเภอเมืองเชียงรายในปัจจุบันนี้
เวียงไชยปราการ อยู่ที่อำเภอฝางมาทางทิศใต้ระยะทางประมาณ 32 ก. ม.
เวียงพางคำ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสาย ในเขตอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในปัจจุบันนี้
ในครั้งนั้น แว่นแคว้นโยนกนับว่ามีกำลังแข็งแรงมาก จนเป็นที่เกรงขามแก่หริราชศัตรู พระเจ้าพรหมมหาราช ได้ทรงวางกำลังป้องกันพวกขอมไว้อย่างแข็งแรง จนพวกขอมไม่กล้ายกกองทัพมารบกวนอีกตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระเจ้าพรหมมหาราช มีราชโอรสองค์เดียว คือพระเจ้าสิริไชยหรือไชยสิริ พระองค์ทรงปกครองราชบัลลังค์ได้ 60 ปี เสด็จสวรรคตในปี พ. ศ. 1538 เมื่อพระชนมายุ 77 ชัญษา เมื่อพระเจ้าพรหมมหาราชเสด็จสวรรคตแล้วมุขมนตรีก็อัญเชิญพระเจ้าสิริไชยราชโอรสขึ้นครองราชย์ปกครองบ้านเมืองเป็นกษัตริย์นครไชยปราการ อันดับที่ 2 สืบแทนต่อมา
ข้อมูลจาก: เทศบาลตำบลไชยปราการ
วัดกว้างขวางและร่มรื่นมากๆ ได้เข้าไปกราบไหว้ท่านพระเจ้าพรหมมหาราช และดีใจที่ได้ช่วยกวาดทำความสะอาดสถานที่ ไเ้ทำบุญให้อาหารปลา
วัดนี้สร้างมาเก่าแก มีหลวงพ่อ บุญเย็น เจ้าอาวาทวัด ได้มรณภาพหลายปีแล้ว เป็นพระ สายพัฒนา สร้างวัด วิหาร ส้างสาณุประโภณ บริโภค แหล่งน้ำประปา ชุมชน สะพาน สร้างมากมายไม่สามารภเขียนในที่นี้ได้ มันยาว เอาเป็ว่าพระนักสร้าง ทางพุทธศาสนา เป็นที่ยึดเหนี่ยวใจของประชาชน ปันจุบัน มีพระเรขาสมัยนั้น พระครูทองทำ หรือเรียกตามบารมี เรียกท่านว่าครูบาหมาทองคำ ได้สืบเจตนาของหลวงพ่อบุญเย็น ทุกอย่างในบริเวณวัด มีโรงเรียนสอนเด็กชาวเขา มีกิจรรมบวชภาคฤดูร้อน ทุกปี ครูบ่าเป็นที่นับถือของชุมชน และพ่อค้า เศรษฐี ทั้งหลายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีอีกมากมาย ไม่นำมาลงได้เพราะใช้เนื้อที่มาก ด้านการศึกษา พระครูบาทองคำืเพี่งได้รับ ปริญญากิติมศักด์ ดุจสดีบัณฑิฒ มหาวิทยาลัยราชฏัฏเชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้ นี้คือผลงานของท่าน สรุปแล้ว วัดนี้มีประโยชน์ต่อชุมชน ต่อ พุทธศาสนา มาก น่าเป็นที่เลื่อมใส เป็นที่ตั้ง ศาลพระเจ้าพรม อยู่ในวัด
วัดป่าไม้แดงพระเจ้าพรหมมหาราช เป็นวัดที่สะอาด สวยงาม ร่มรื่น สามารถไปแวะกราบพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ไหว้อนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช ผู้สร้างเวียงชัยปราการ ผู้กอบกู้เอกราชอาณาจักรโยนกเชียงแสนจากพระยาขอมดำ และสักการะสรีระธาตุอดีตเจ้าอาวาสผู้ก่อสร้างวัดแห่งนี้
เป็นวัดที่มีความงามแห่งหนึ่งในไชยปราการแล้วยังเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ของพระพรหมมหาราชผู้สร้างเมืองไชยปราการอีกด้วย
เป็นวัดที่ร่มรื่น ร้านอาหารข้างหน้าวัดดีมาก เจ้าของร้านสุภาพใจดีและทำอาหารอร่อย ร้านกาแฟในวัดก็ดีเช่นกัน
วันนี้สวยมากค่ะเป็นเซรั่มทางเหนือ ค่อนข้างชัดเจนขนาดของการก่อสร้างอาคารและสถาปัตยกรรมถือว่าดีมาก
เป็นวัดประจำอำเภอ ที่ใหญ่มาก สถานที่กว้างขวางเดินยังไม่ทั่ว มัวแต่ไปนั่งกินกาแฟ มีร้านกาแฟสดด้วย สะอาดมาก เจ้าของใจดี อัธยาศัยดี เป็นกันเอง มีผลไม้วางให้ทานฟรีด้วย ส่วนตัวกาแฟ อเมริกาโน่รสชาติเข้นข้น ตาตื่นกันเลยทีเดียว ลาเต้หอมละมุนอร่อย สุดท้ายชาไทยรสชาติกำลังดีไม่หวานมาก หอมรสชาไทย สุดท้ายมีแถมชาร้อน เป็นชาแดง ที่เจ้าของเสริฟให้มาชิมฟรี ไปนั่งเล่นกันได้ครับร่มรื่นดี
สถานที่ร่มรื่น เนื้อที่เยอะกว้าวขวาง สงบ เรามาในช่วงเดือนพฤษภาคม ไม่มีคนเยอะ กาที่สงบใจ รีเซตร่างกาย แนะนำเลยค่ะ
งานบวชเณรภาคฤดูร้อน
บริเวณวัดกว้างขวาง
โดยรอบล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย นานาชนิดสารพัดสายพันธุ์ร่มรื่น
อากาศเย็นสบาย แต่แอบมีแดดบางช่วงอาจต้องเผิชญหน้ากับแสงยูวีอยู่นะ
ร้านค้ามากมายในลานวัดให้ดื่ม กินฟรี (ร้านกาแฟของวัดไม่ฟรีนะคะ)
ผู้คนมากมายมาร่วมงานบุญอย่างอุ่นหนาฝาครั่งแต่กับสงบไร้ซึ่งความอึกทึกครึก ครึกโครม
มีเสียงเพลงผ่านลำโพงของทางวัดคลอเบาๆ ตลอดเวลา ฟังเหมือนเป็นเสียงสีซอที่แผ่วเบามาจากไกลๆทั่วบริเวณวัด
เพราะจัง
วัดป่าไม้แดง สงบ รมเป็นสบายเหมาะกับการมาพักผ่อน ทำจิตใจให้สงบ นั้งสมาธิ ถ่ายรูป มาเป็นหมู่คณะแสวงบุญ สามารถติดทางวัดจัดหาทีพัก และอาหารทางเหนือ
อาหารชาวเขาหม้อไฟ สุกี้
วัดป่าไม้แดงได้รับการพัฒนาวัดให้เป็นโรงเรียน โดยพระอาจารย์เจ้าอาวาส พระครูดวงคำ
จากวัดที่แห้งแรง พระครูดวงคำฟหฅ สามารถนำความชุมชืนและความสวยงามของต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ มีสิ่งยืดเหี่ยวจิตใจที่สำคัญมาก
คือองค์เสร็ดปู่พระเจ้าพรหมมหาราช
เป็นที่สวยงามมากๆของอำเภอไชยปราการครับ พื้นที่กว้างขวาง บรรยากาศร่มรื่น คือทุกอย่างลงตัวมากๆเลยครับ ผิดกับตอนแรกที่คาดไว้ รู้สึกประทับใจมากจริงๆ ใครมาอำเภอไชยปราการแนะนำเลยวัดนี้ครับ ควรจะต้องแวะมาเยี่ยมชมความงามของสิหาร โบสถ์ต่างๆรวมถึงบรรยากาศบริเวณภายในที่ร่มรื่นครับ