Wat Ku Kham

Another temple that belongs to the surrounding community, very well decorated, relatively well maintained and with monks who are always smiling and welcoming. It has very beautiful details and is the best maintained stupa I have seen so far.

วัดกู่คำ อยู่ติดสถานีขนส่งเชียงใหม่ ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวยังจุดอื่นๆ แวะมาขอพรขอให้เดินทางท่องเที่ยวโดยสวัสดิภาพและกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย มีโชคมีลาภจากการเดินทาง

Wat Chedi Liam, formerly known as Wat Ku Kham, is one of the wats in the ancient Thai city of Wiang Kum Kam, now part of present-day Chiang Mai.

วัดกู่คำ สร้างมาตั้งแต่ปี พ. ศ. 1920 โดยไม่มีการบันทึกที่ทราบอย่างชัดเจน แต่เดิมวัดแห่งนี้มีซากเจดีย์เก่าแก่ ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก ซึ่งชาวบ้านพากันเรียกว่า "กู่" ต่อมามีชาวจีนชื่อแดง หรือที่ทราบภายหลังว่า "หลวงขจัด ทัณฑนิกร" ได้ร่วมกับชาวบ้านเพื่อบูรณะองค์กู่หรือเจดีย์ให้เต็มองค์ แต่เดิมชื่อ "วัดกู่แดง" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดกู่คำ" วัดแห่งนี้อยู่ติดกับสถานีขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ ถ้ามาถึงสถานีขนส่งสามารถเดินมาได้เลยครับ วัดนี้เงียบสงบ และสวยครับ สาธุ ️️

It's a small temple near the bus terminal.
I came in for a moment, prayed, and came out.

It's a good location for a quick stop at the terminal.
Wait for the bus and then walk and have a nice view.

วัดกู่คำ เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ พ. ศ. 1920 ตั้งอยู่ ถนนแก้วนวรัฐ ตำบลวัดเกตุ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ใกล้สถานีรถโดยสารอาเขต 2 และ 3 เชียงใหม่ แต่จะอยู่ใกล้กับอาเขต 3 มากกว่า เรียกได้ว่าแทบจะติดกับ บขส อาเขต 3 กันเลยทีเดียว ซึ่งห่างเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ก่อนจะขึ้นรถหรือลงรถที่ บขส อาเขต 2 หรือ 3 ถ้าหากยังพอมีเวลาเหลือหรือไม่รีบไปไหน สามารถเดินไปที่วัด เพื่อไหว้พระทำบุญ ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนจะเดินทางไปจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ได้วัดสวยงามตามท้องเรื่องทางเหนือ

วัดกู่คำมีอดีตการสร้างมาตั้งแต่ปี พศ. ๑๙๒๐ โดยไม่มีการบันทึกให้ทราบชัดเจนมากนัก นอกจากรอยดินสอที่บันทึก พศ. การตั้งวัดไว้บนโฉนดที่ดินของวัด กับประวัติที่เล่าสืบทอดต่อกันมาว่า เดิม ณ ที่แห่งนี้มีซากเจดีย์เก่าแก่ ที่เป็นซากกองอิฐปรักหักพังทับถมกันอยู่คล้ายกู่ หรือเจดีย์ร้างครึ่งองค์ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนักซึ่งชาวบ้านพากันเรียกว่า “กู่” ต่อมามีชาวจีนชื่อแดง หรือชื่อที่ทราบมาภายหลังที่จารึกไว้ในคัมภีร์ธรรมล้านนาว่า “หลวงขจัด ทัณฑนิกร” ได้ร่วมกับชาวบ้านช่วยกันบูรณะองค์กู่หรือเจดีย์ให้เต็มองค์ขึ้น หลังจากนั้นได้นิมนต์พระสงฆ์มาอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ และชาวบ้านพากันเรียกตามชื่อชาวจีนที่มาบูรณะว่า “วัดกู่แดง” ต่อมามีการก่อสร้างบูรณะถาวรวัตถุเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ชาวบ้านจึงเห็นพ้องต้องกันว่าควรเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า “วัดกู่คำ” และได้ใช้ชื่อนี้เป็นต้นมา ในปี พศ. ๒๔๔๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งเป็นวัดที่ถูกต้อง ขั้นทะเบียนของกรมการศาสนาสังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ให้ชื่อว่า “วัดกู่คำ” มาจวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้

This was not a pleasant experience.
It's grounds are small.
The bus Depot is right next door.
There's LOTS of unfriendly Temple Dogs.

As is often the case, the wat has a school inside or adjacent to the monastery compound, which is bad enough. They seemed to have a system where they allow monks to stay 'outside' which is ok as long as you have a glot, i sat down in a 3 legged chair and fell over. It's just over the road from the bus station, avoid unless necessary.

เป็นสถานที่สำคัญของพ่อแม่พี่น้องทุกๆและทุกๆหมู่เหล่ามีใว้กราบไหว้และบูชาและยึดเหนี่ยวทางจิตใจของทุกๆคนครับ

Very interesting small temple. Best experience was to learn to play the temple gongs. Very large to small gongs, when I get gongs to make very loud sound it feels very good.

วัดกู่คำมี อดีตการสร้างมาตั้งแต่ปี พ. ศ. 1920 โดยไม่มีการบันทึกให้ทราบชัดเจนมากนัก นอกจากรอยดินสอที่บันทึก พ. ศ. การตั้งวัดไว้บนโฉนดที่ดินของวัด กับ ประวัติที่เล่าสืบทอดต่อกันมาว่า เดิม ณ ที่แห่งนี้ มีซากเจดีย์เ่ก่าแก่ ที่เป็นซากกองอิฐปรักหักพังทับถมกันอยู่คล้ายกู่ หรือ เจดีย์ร้างครึ่งองค์ ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก ซึ่งชาวบ้านพากันเรียกกันว่า "กู่" ต่อมามีชาวจีนชื่อแดง หรือ ชื่อที่ทราบมาภายหลังที่จารึกไว้ในคัมภีร์ธรรมล้านนาว่า "หลวงขจัด ทัณฑนิกร" ได้ร่วมกับชาวบ้านช่วยกันบูรณะองค์กู่ หรือ เจดีย์ให้เต็มองค์ขึ้น หลังจากนั้นได้นิมนต์พระสงฆ์มาอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ และ พากันเรียกตามชื่อชาวจีนที่มาบูรณะว่า "วัดกู่แดง" ต่อมามีการก่อ สร้างบูรณะถาวรวัตถุเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ชาวบ้านจึงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า "วัดกู่คำ" และ ได้ใช้ชื่อนี้เป็นต้นมา ในปี พ. ศ. 2440 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ตั้งเป็นวัดที่ถูกต้อง ขึ้นทะเบียนของกรมการศาสนาสังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ให้ชื่อว่า "วัดกู่คำ" มาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้

วัดกู่คำเป็นวัดที่อยู่ติดกับสถานีขนส่ง แห่งที่ 3 หรือสถานีขนส่งอาเขตแห่งที่ 3 ภายในบริเวณวัดมีพื้นที่ไม่มากนักและมักจะถูกใช้เป็นลานจอดรถเท่าที่สังเกตไม่ค่อยมีผู้คนไปมาเพื่อสักการบูชาวัดค่อนข้างดูโล่งๆ ไม่ค่อยมีผู้คนอย่างไรก็ตามเป็นข้อได้เปรียบในกรณีที่ต้องการหาวัดที่อยู่ใกล้สถานีขนส่งผู้โดยสาร

เป็นวัดที่เก่าแก่ ในบริเวณวัด ยังมีโรงเรียน มีศรัทธามาก อยู่ใกล้ตัวเมือง ติดกับ ขนส่งอาเขต เดินทางสะดวก

เสียดายความสวยของสถาปัตยกรรมอยู่ท่ามกลางการปลูกสร้างถาวรวัตถุต่างๆไม่เข้ากัน. ดูแน่นอึดอัดไม่มีมุมมองให้ชื่นชมเต็มที่

เป็นวัดที่อยู่ติดกับบขส. เชียงใหม่ (อาเขต)
ส่วนตัวว่าเป็นที่พึ่งของคนที่ต้องรอรถนานๆมาพักที่ศาลาวัดก็สบายดีครับ

วัดกู่คำ เป็นวัดเล็กๆที่เงียบสงบ อยู่ในเมือง ติดกับสถานีขนส่งอาเขต ไปง่าย มาสะดวก ที่วัดพร้อมที่จะต้อนรับคนมาทำบุญ ทำสังฆทาน ทางวัดจะอำนวยความสะดวกไว้ให้พร้อม มีพระสงฆ์รอรับการมาทำบุญของทุกท่าน ทุกๆวัน