วังปารุสกวัน / Parutsakawan Palace

ตำหนักจิตรลดา.
ในวังปารุสกวัน.

อุ่นไอรัก. ข้ามขอบฟ้า. จากจักรวรรดิรัสเซีย สู่สยามประเทศ.

ความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิรัสเซียและราชสำนักสยาม ได้สถาปนาอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ. ศ. 2440

ครานั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯเยือนรัสเซีย เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีต่อเนื่องกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งจักรวรรดิรัสเซีย

ในปีถัดมาทรงตัดสินพระทัยที่จะส่งพระราชโอรส คือ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ มาทรงศึกษาทางด้านการทหารที่ประเทศรัสเซียแห่งนี้

สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ทรงศึกษาวิชาการทหารที่นครเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ในประเทศรัสเซีย เป็นเวลาถึง 8 ปี เสด็จกลับสู่มาตุภูมิในปีพ. ศ. 2449
พร้อมหม่อมคัทริน หรือนามลำลองว่า "แคทยา" ทรงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ณ วังปารุสกวัน แห่งนี้. ทรงมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียว คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์.


ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน
ณ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ. นะคะ

The Palace contains two parts - one part is Palace itself which is beautifully maintained and contains information regarding the Palace history and the Royal family.

The other part is Police Museum.

Both are free admission. If more English translation is provided, it will be made the visit more interesting.

The history of the Thai police in a nutshell, a place unknown to tourists but worth seeing

The staff warmly received and explained, and also played exquisite introductory videos. The environment is beautiful, and the pure European-style architectural colors of the palace are quite unique, and no tickets are required at all. The police museum at the back is also worth a visit. The police officers who received them are very kind and have a lot of content.

Not the usual attraction you go to visit when you are only few days in Bangkok but worth a visit if you are there longer

There are two buildings to visit on this site, the more modern building houses the contents of the police museum and then you have the Chitralada Villa which for me was the highlight of my visit. Completed in 1906, it's beautifully designed. Heavily influenced by Italian architecture with Art Nouveau interior and Baroque/Rococo influences.
The police museum has various artifacts displayed aswell as a history of the changing structure of the police service over the centuries to create the service it provides today.
Both buildings are totally free to visit, just register your name.

หลังจากที่บูรณะจากสถานที่ราชการระดับชาติมาเป็นปูชนียสถานสวยงดงามมาก นี่หละที่ว่าเป็นระดับชาติให้ข้อมูลไม่ได้

This building is designed by an Italian architect, that’s the reason you could notice some Italian architecture elements in the building. The visitation is free of charge, and a detail tour explained by a friendly lady. I had a good time and gained a lot of insight. Strongly recommend!

This palace is closed on weekends. Please check with locals for the timings before you plan to visit the palace.

สถาปัตยกรรมสวย ดูดี มีการปรับปรุงเรื่อยๆ ช่วงนี้น่าจะเป็นวันธรรมดานะ ถ้ามาน้อยคนสามารถ walk in ได้เลย ถ้ามาเป็นหมู่คณะต้องโทรแจ้งนาจาาา

พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน เป็นวังที่สวยงามมาก พื้นที่ประกอบด้วยสองวัง วังสวนจิตรลดา กับวังปารุสกวัน ในสมัย รัชกาลที่ 6 ได้คืนวังสวนจิตรลดากับ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ รวมเป็นพื้นที่เดียวเป็น วังปารุสกวัน ปัจจุบันสามารถเดินชมในสวนพระตำหนักสวนจิตรดลดา ส่วนวังปารุสกวันเป็นพื้นที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ อัพเดท ข้อมูลวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 พิพิธภัณฑ์เปิด อังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00-16.00 สามารถมาชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย มีเจ้าหน้าที่วังพาชมและบรรยายความเป็นมาให้ดูถ้ามาเป็นหมู่คณะสามารถติดต่อล่วงหน้าได้ ภายในวังสวยมาก การดูแลรักษาสภาพดีมาก ถือเป็นวังที่สวยมากวังหนึ่งครับ
-
ประวัติความเป็นมา วังปารุกสกวัน
เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ. ศ. 2446 โดยในวันที่ 30 ธันวาคม มีการจ่ายเงินค่าก่อสร้างกำแพงยาว 275 เมตร รวมเป็นเงิน 22,075 บาท ต่อมาวันที่ 19 เมษายน พ. ศ. 2447 จ่ายค่าก่อสร้างกำแพงส่วนที่เหลืออีกเป็นเงิน 61,173 บาท แต่ยังไม่รวมค่ากระเบื้องหลังคา แรกเริ่มมีสถาปนิก 3 คนช่วยกันออกแบบ คือ นายมารีโอ ตามัญโญ นายสก็อตส์ และนายเบย์โรเลรี แต่ 2 คนป่วยระหว่างการก่อสร้าง นายตามานโญป่วยเป็นอหิวาตกโรคและต้องเดินทางกลับยุโรป ส่วนนายสก็อตส์ป่วยเป็นไข้ทรพิษและเสียชีวิต เหลือแต่นายเบย์โรเลรี รับผิดชอบ จนแล้วเสร็จเมื่อ พ. ศ. 2448 มีพิธีขึ้นพระตำหนักใหม่เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ. ศ. 2449 และได้เสด็จประทับพระตำหนักนี้ตลอดพระชนมายุ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบคลาสสิก ก่ออิฐถือปูน ตามแบบวิลลาของอิตาลี ก่ออิฐถือปูน ทาสีครีม เดิมตัวพระตำหนักมี 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นท้องพระโรง และห้องรับแขก ห้องพักผ่อน ส่วนชั้นบนจัดเป็นบริเวณที่ประทับส่วนพระองค์ ห้องพระชายา ห้องพระบรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องสรง และห้องทรงพระอักษร ต่อมามีการต่อเติมตัวพระตำหนักเพิ่มเป็น 3 ชั้น โดยชั้นบนจัดเป็นห้องพระบรรทม

ชื่อวังปารุสกวันได้มาจากชื่อสวนของพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มี 4 แห่งคือ สวนมิสกวัน สวนปารุสกวัน สวนจิตรลดาวัน และสวนนันทวัน

ภายในวังปารุสก์ยังมีตำหนักอีกองค์หนึ่ง คือ ตำหนักสวนจิตรลดา ซึ่งแต่เดิมเป็นของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงย้ายไปประทับที่พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตำหนักสวนจิตรลดา แลกเปลี่ยนกับที่ดินบริเวณท่าวาสุกรี ของสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ และโปรดฯ ให้รื้อกำแพงที่คั่นกลางออก รวมตำหนักทั้งสองเข้าด้วยกัน ส่วนกำแพงสร้างที่ใหม่ทรงให้ประดับตราจักรและกระบอง ซึ่งเป็นตราประจำพระองค์ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนาถ ไว้ที่ประตูกำแพงโดยรอบ

เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ ภูวนาถเสด็จทิวงคต เมื่อ พ. ศ. 2463 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้พระราชอำนาจตามกฎหมายระงับพินัยกรรมของสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ที่ทรงระบุให้ยกทรัพย์สินทั้งหมดแก่หม่อมเจ้าหญิงชวลิตโอภาส ชายาพระองค์ใหม่ โดยมีพระบรมราชโองการให้โอนวังปารุสกวันกลับคืนเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ. ศ. 2475 วังปารุสกวัน เป็นที่ทำการของสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ก่อนจะย้ายไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม และที่เป็นพำนักของ พระยาพหลพลพยุหเสนา ระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรีและพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จนถึงแก่อสัญกรรม ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์กรมตำรวจ และอดีตที่ทำการกองบัญชาการตำรวจนครบาล

อนึ่ง มักมีผู้เข้าใจสับสนระหว่างตำหนักปารุสก์กับตำหนักสวนจิตรลดา โดยที่ตำหนักปารุสก์ คือ พระตำหนักที่อยู่ทางด้านถนนราชดำเนินนอกตัดกับถนนพิษณุโลก อยู่ติดกับวังจันทรเกษม ในขณะที่ ตำหนักจิตรลดา คือ ตำหนักที่อยู่ทางด้านถนนราชดำเนินนอกตัดกับถนนศรีอยุธยานั่นเอง

นอกจากนี้ ตำหนักจิตรลดา ยังเคยเป็นสถานที่แข่งขันรายการเกมโชว์ทางโทรทัศน์อัจฉริยะข้ามคืน ล้านที่ 5 อีกด้วย
ข้อมูลประวัติอ้างอิงจาก wikipedia

น่าเดินชมบรรยากาศมากค่ะ แต่ไปเย็นแล้ว เลยไม่ค่อยมีเวลาเดิน แต่น้องหมาของพี่ที่ทำงานที่นั่นรับแขกมากค่ะ ตกน้องๆที่ไปด้วยซะจนไม่ได้ไปเดินไหนเลย เงาดำๆนั่งล้อมวงนั่นแร่ะนั่งรุมน้องหมากันอยู่ นี่ยังไม่รวมพี่ม้าและพี่หมาที่มาแสดงสมรรถนะให้ชมอีกนะ

ดีมากๆ มีสองตึกให้เข้าชม คืออาคารพระตำหนักจิตรลดา และตึกกระจก เจ้าหน้าที่ดีมากๆ ภายในสะอาดดีด้วย

เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2-3 ชั้น มีรูปทรงและ ลวดลายปูนนั้นแบบยุโรป สร้างอย่างวิจิตรบรรจง หลังคาเป็นกระเบื้องว่าว ด้านหน้ามีมุข ยื่นออกมาจากตัวตำหนัก ด้านบนเป็นห้องส่วนตัว ด้านล่างเป็นที่เทียบรถ

Beautiful royal palace of tremendous historical value, which also houses museum of Prince Chakrabong.

The place shows history of itself, included arts and architecture.
But this place required to take off your shoes before getting inside.

Free entrance, friendly personnel, don't forget to put of your shoes! You also able to get voice guide on few languages

วังปารุสกวัน หรือย่อว่า วังปารุสก์ ตั้งอยู่หัวมุมถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นวังที่ประทับของจอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พระราชโอรสในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวโรกาสที่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหาร จากประเทศรัสเซีย เมื่อ พ. ศ. 2449 ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล

เงียบ สงบ เจ้าหน้าที่อธิบายดีมาก. ก ละเอียด สนุก มีเกร็ดความรู้ประกอบให้ด้วย
แนะนำให้ไปช่วงวันธรรมดา เหมือนเป็นสถานที่เพื่อเราโดยเฉพาะ

วังปารุศอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ของ กองบั๙าการตำรวจนครบาล

สามารถจอดรถเข้าชมได้ภาย ไม่เสียค่าเข้าชม