Wat Si Roi

ทหารกล้า400คนต่อสู้กับทหารพม่า8000คนและทุกคนตายในสนามรบก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2และได้สร้างวัดไว้ระลึกวีรชนผู้กล้าที่ต้านทานข้าศึกรักษาเอกราชให้คนไทยทั้งชาติ

วันนี้มาห่มผ้าหลวงพ่อใหญ่ ณ วัดสี่ร้อย รวมถึงมาอุทิศกุศลให้กับ ขุนรองปลัดชู และ ผู้กล้าทั้งสี่ร้อย ร่วมอนุโมทนาบุญกันนะคะ

บันทึก วีรชน 400 คน ที่ออกรบเพื่อบ้านเมือง คิดว่าเป็นที่มาของชื่อวัด เมื่อเข้ามาชม พบเห็นภาพ รัชกาลที่ 9 และ พระราชินี เคยเสด็จมาเยี่ยมประชาชนที่นี่ พระพุทธรูปทรงพลัง มากๆ ครับ

This temple includes the statue of buddha (หลวงพ่อโต) sitting. You can purchase some offerings and make a wish for good things. And lastly, this temple includes the importance of 400 warriors who shall be remembered for their good deeds. Especially ขุนรองปลัดชู (Khun Rong Palad Chu). If he wasn’t here, Bang Rajan warriors wouldn’t be here. Should check it out.

เป็นวัดที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน รอบนี้ได้มาเพราะฝันว่าท่านให้มา รอบนี้มาโอกาสได้ห่มผ้าหลวงพ่อใหญ่ผืนละ200บาท เดินวนไปด้านหลัง เจ้าหน้าที่น่ารักมาก อวยพร นำกล่าว ถวายผ้า พาขึ้นไปห่มผ้าหลวงพ่อด้านบน เดินลงมา ให้เดินลอดใต้องค์หลวงพ่อแก้ปีชงเดินวน9รอบ ถ้า เสริมโชคดีเดินวน3รอบ ให้สวดอิติปิโส ไปด้วย ก่อนกลับเดินไปฝั่งตรงข้ามไหว้หุ่นวีรชน 400 ดวง เจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ และจุดสำคัญ ซื้ออาหารปลาเดินไปด้านหลังมีท่าน้ำ ให้อาหารปลา ร่มรื่นมาก สะอาด มีห้องน้ำด้วย ที่จอดรถเยอะ

วัดสี่ร้อย หลวงพ่อใหญ่เดินวนลอดขาขอพร (ถ้าสมหวังให้กลับมาจุดพลุ) ให้อาหารปลาริมแม่น้ำน้อย ทางเข้าวัดมีอนุสาวรีย์ขุนรองปลัดชูวีรชนบ้านสี่ร้อย
มีงานประจำปีช่วงวันลอยกระทง

ได้ระลึกถึงวีรชนคนรุ่นเก่าปีพศ. 2302
ขุนรองปลัดชูพร้อมกลุ่มอาสาชาวบ้าน
วิเศษชัยชาญ400คนยอมเสียสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยเมื่อก่อนมาทุกวันนี้ผมไม่เคยลืมเลยพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกดวงจิตวิญญาณวีรชนทุกท่านเท่าที่ทำได้. สาธุ

บริเวณภายในวัดกว้างใหญ่มากๆเจ้าหน้าที่ของวัดเป็นกันเอง อุโบสถ ถ้าไปช่วงบ่ายมากจะปิด อยากทราบประวัติว่า วัดสี่ร้อยเดิมอยู่ตรงไหนลองถามเจ้าหน้าที่วัด เพราะ วัดสี่ร้อยปัจจุบันนี้ไม่ใช่วัดสี่ร้อยเดิม เพราะว่าวัดสี่ร้อยเดิมนั้นปัจจุบันเป็นวัดร้าง

วัดสี่ร้อย เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย ในตำบลสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

วัดสี่ร้อยสร้างเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ. ศ. 2314 มีตำนานเล่าว่า เมื่อปี พ. ศ. 2302 พระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่า ได้ให้มังระและมังฆ้องนรธา ยกกองทัพพม่ามาตีเมืองตะนาวศรีและเมืองมะริดของไทย เหตุการณ์ครั้งนี้ ขุนรองปลัดชู กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ จำนวนทั้งสิ้น 400 คน เข้าสมทบกองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ โดยให้ชื่อว่า กองอาฑมาต ขุนรองปลัดชู ได้รับคำสั่งให้ไปตั้งสกัดทัพพม่าในเขตท้องที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ อ่าวหว้าขาว พอพม่ายกกองทัพมา ขุนรองปลัดชูจึงควบคุมทหารโจมตีด้วยอาวุธสั้นถึงขั้นตะลุมบอนได้ปะทะกับมังระ และมังฆ้องนรธา แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะกองทัพพม่าที่หนุนเนืองกันมาอย่างไม่ขาดด้วยกำลังที่น้อยกว่า เมื่อทราบข่าวต่างเศร้าโศกเสียใจ ประชาชนจึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังของชาวแขวงวิเศษไชยชาญ โดยให้ชื่อวัดว่า "วัดสี่ร้อย" ต่อมาได้สร้างเจดีย์สำหรับเคารพบูชาดวงวิญญาณของชาววิเศษไชยชาญที่พลีชีพในครั้งนี้จำนวน 400 คน

อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มี อุโบสถกว้าง 10 เมตร ยาว 40 เมตร ศาลาการเปรียญกว้าง 14 เมตร ยาว 24 เมตร หอสวดมนต์กว้าง 8 เมตร ยาว 18 เมตร สร้าง พ. ศ. 2517 และกุฏิสงฆ์ จำนวน 15 หลัง จุดเด่นของวัด คือ หลวงพ่อโต ปางป่าเลไลย์ หน้าตักกว้าง 6 เมตรเศษ สูง 21 เมตร ชาวบ้านได้มากราบขอพรและจุดประทัด หรือพลุเพื่อเป็นการบูชาท่าน และเมื่อ พ. ศ. 2530 มีโลหิตไหลออกมาจากพระนาสิกของหลวงพ่อโตวัดสี่ร้อย ทำให้ชาวบ้านหลั่งไหลกันมากราบสักการะ และเรียกว่า หลวงพ่อร้องไห้

วัดเก่าแก่ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางป่าเลไลย์ (ประจำวันพุธกลางคืน) ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อใหญ่ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านมานานนม พร้อมตำนานนักรบแห่งกรุงศรีฯผู้ไม่เคยยอมแพ้แม้ตัวตาย ขุนลองปลัดชู พร้อมหน่วยกล้าตาย 400 คน

วัดสี่ร้อย เป็นวัดเก่าแก่ของทางอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง มีรูปปั้นของขุนรองปลัดชูและนักรบในสมัยโบราณ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้สักการะและได้ศึกษามากมาย แต่เนื่องจากเราเดินทางมาถึงวัดตอนประมาณ 5 โมงเย็น เพื่อถวายสังฆทาน จึงไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ไม่หมด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อย ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ

ปีใหม่64 นี้แวะไหว้พระวัดสี่ร้อยขอพรตามรอยขุนรองปลัดชู ขุนศึกรักษาปกป้องบ้านเมืองเอาไว้ให้ลูกหลานตามประวัติศาสตร์น่าศึกษาอย่างยิ่งครั

One of important temple with long story for Thai people. Back in the past, there was a news about buddha image crying but there was blood instead of tear drop from eyes.

วัดสี่ร้อย

เป็นวัดเก่าแก่ในอำเภอวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ. ศ. 2314 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ. ศ. 2452 โดยมีตำนานเล่าขานว่า เมื่อปี พ. ศ. 2302 พระเจ้าอะลองพระยากษัตริย์พม่าได้ให้มังระและมังฆ้องนรธาพระราชบุตร ยกกองทัพพม่ามาตีเมืองตะนาวศรี และเมืองมะริดของไทย ซึ่งอยู่ในความปกครองของกรุงศรีอยุธยา เหตุการณ์ครั้งนี้ ขุนรองปลัดชู กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ จำนวนทั้งสิ้น 400 คน เข้าสมทบกองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ โดยให้ชื่อว่า กองอาฑมาต ขุนรองปลัดชู ได้รับคำสั่งให้ไปตั้งสกัดทัพพม่าในเขตท้องที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ อ่าวหว้าขาว ตั้งอยู่เหนือที่ว่าการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พอพม่ายกกองทัพมา ขุนรองปลัดชูจึงควบคุมทหารโจมตีด้วยอาวุธสั้นถึงขั้นตะลุมบอนได้ปะทะกับมังระ และมังฆ้องนรธาราชบุตรของอะลองพระยา ซึ่งเป็นทัพหน้าถึงแม้ทหารของเราจะน้อยกว่าแต่ก็ฆ่าฟันทหารพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก การต่อสู้เป็นระยะเวลา 1 คืน ถึงเที่ยงวันรุ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะกองทัพพม่าที่หนุนเนืองกันมาอย่างไม่ขาดด้วยกำลังที่น้อยกว่า ในที่สุดก็ถูกพม่าไล่โจมตีพ่ายยับเยิน ขุนรองปลัดชู พร้อมด้วยชาวแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จำนวน 400 คน จึงพลีชีพบนผืนแผ่นดินไทย ณ สมรภูมิหาดหว้าขาว ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชาวเมืองวิเศษไชยชาญ เมื่อทราบข่าวต่างก็เศร้าโศกเสียใจ จึงได้แต่ภาวนาขอบุญกุศลที่สร้างสมไว้จงเป็นปัจจัยส่งผลให้ดวงวิญญาณของทหารกล้าได้ไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ ต่อมาประชาชนได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังของชาวแขวงวิเศษไชยชาญ เพื่อเป็นการย้ำเตือนความทรงจำที่ระลึกถึงบรรพบุรุษที่พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย โดยให้ชื่อว่า "วัดสี่ร้อย" ต่อมาได้สร้างเจดีย์ไว้เป็นที่รวบรวมดวงวิญญาณของชาววิเศษไชยชาญที่พลีชีพในครั้งนี้จำนวน 400 คน สำหรัลเป็นที่เคารพบูชา และเทศบาลตำบลบางจักได้ดำเนินการสร้างอนุสาวรีย์ขุนรองปลัดชู เพื่อเป็นการย้ำเตือนความทรงจำให้ระลึกถึงบรรพบุรุษที่พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย

หลวงพ่อโต ปางป่าเลไลย์ หน้าตักกว้าง 6 เมตรเศษ สูง 21 เมตร ชาวบ้านได้มากราบขอพรและจุดประทัด หรือพลุเพื่อเป็นการบูชาท่าน และเมื่อปี 2530 มีโลหิตไหลออกมาจากพระนาสิกของหลวงพ่อโตวัดสี่ร้อย ทำให้ชาวบ้านหลั่งไหลกันมากราบสักการะ "หลวงพ่อร้องไห้" กันมากมาย

เป็นที่สงบมาก สวยงาม หลวงพ่อใหญ่องค์ใหญ่สวยงาม ด้านหลังติดแม่น้ำน้อย หากใครมาอ่างทอง อย่าลืมมาแวะขอพรหลวงพ่อใหญ่ วัดหลักร้อยกันด้วย

วัดที่มีประวัติแด่วีรกรรม
แด่ผู้กล้าหาญซึ่งปกป้องบ้านเมืองจากศัตรูที่มารุกราน
จนเสียชีวิตในสนามรบ
เป็นที่ยกย่องจนปัจจุบัน
การจัดระเบียบวัดดี สะอาด
ร่มเย็น น่ามาพักผ่อนทำบุญ
ไหว้พระกันดีเยี่ยม
มีองค์พระหลายๆองค์ให้บูชา
มีพระประทับนั่งปิดทองสวยมาก เด่นสง่าในวัด น่ามาขอพร
กันได้ดี สมปรารถนา
เป็นวัดที่น่ามาเช็คอินกันครับ

วัดนี่ สร้างเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ท่านขุนรองปลัดชู และเหล่าทหารกล้า 400 ท่าน ที่ยอมสละชีพทั้งหมดเพื่อต้านกองทัพของพม่า

กราบพระ
ขออโหสิกรรม ให้อภัยทาน
ยุติกรรมซึ่งกันและกัน
แผ่บารมีให้มีส่วนโดยทั่วกัน

เป็นวัดที่รวบรวบอัฐิของนักรบสมัยกรุงศรีอยุธยากว่า400คนของทีมขุนรองปลัดชูมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจิตใจมาก

In 1760 (2303 B. E.), King Alaungpaya of Burma ordered Hsinbyushin and Minkhaung Nawratha his sons to invade Myeik which was a part of Ayutthaya Kingdom. At that time, Khun Rong Palad Chu, a well-known teacher for dual wield swordsmanship and official of Wiset Chai Chan, grouped up and led four hundred sword-fighters under the name Kong Attamat to accompany the army of Phraya Rattanathibet from the capital. During the royal armys settlement at Kui Buri of Prachuap Khiri Khan, his group received a command to obstruct the Burmas army at Wa Khao Bay, northern to the present Provincial Governors Office. The battle began as Kong Attamat attacked the passing rival and went on for a night until noon of the next day. Although many Burmese soldiers were killed in the melee, the smaller number of Thai soldiers could not resist the larger opponents army and its

วัดสี่ร้อย เป็นวัดเก่าแก่ในอำเภอวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย มีอายุประมาณ 200 ปี ไม่พบหลักฐานการสร้างที่แน่นอน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ขุนรองปลัดชูและชาวบ้านวิเศษชัยชาญ 400 คน ที่เสียชีวิตจากสงครามระหว่างไทยกับพม่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นเหตุให้ได้ชื่อว่า “วัดสี่ร้อย”
ภายในบริเวณวัดมีพระพุทธรูปปางพระปาลิไลยก์องค์ใหญ่อยู่กลางแจ้ง สร้างเมื่อปี พ. ศ. 2452 องค์พระทำด้วยปูน มีหน้าตักกว้าง 6 เมตร สูง 21 เมตร อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถและเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อย” หรือ “หลวงพ่อร้องไห้” ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธามาก เนื่องจากเชื่อกันว่าท่านมีความศักดิ์สิทธ์ และมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเป็นข่าวว่า หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อยมีพระโลหิตออกมาทางพระนาสิก เป็นเหตุทำให้ได้รับความสนใจมากจนมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลมากมาย
วัดสี่ร้อย ตั้งอยู่ตำบลสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ จากทางหลวงหมายเลข 3195 (อ่างทอง-วิเศษชัยชาญ) เข้าทางหลวงหมายเลข 3454 (วิเศษชัยชาญ-ผักไห่) ประมาณ 5 กิโลเมตร หรือจากตลาดศาลเจ้าโรงทอง ถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายตามคลองชลประทานประมาณ 3 กิโลเมตร วัดจะอยู่ซ้ายมือ  เป็นวัดเก่าแก่ในอำเภอวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย มีอายุประมาณ 200 ปี ไม่พบหลักฐานการสร้างที่แน่นอน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ขุนรองปลัดชูและชาวบ้านวิเศษชัยชาญ 400 คน ที่เสียชีวิตจากสงครามระหว่างไทยกับพม่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นเหตุให้ได้ชื่อว่า “วัดสี่ร้อย”
        ภายในบริเวณวัดมีพระพุทธรูปปางพระปาลิไลยก์องค์ใหญ่อยู่กลางแจ้ง สร้างเมื่อปี พ. ศ. 2452 องค์พระทำด้วยปูน มีหน้าตักกว้าง 6 เมตร สูง 21 เมตร อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถและเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อย” หรือ “หลวงพ่อร้องไห้” ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธามาก เนื่องจากเชื่อกันว่าท่านมีความศักดิ์สิทธ์ และมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเป็นข่าวว่า หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อยมีพระโลหิตออกมาทางพระนาสิก เป็นเหตุทำให้ได้รับความสนใจมากจนมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลมากมาย
        วัดสี่ร้อย ตั้งอยู่ตำบลสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ จากทางหลวงหมายเลข 3195 (อ่างทอง-วิเศษชัยชาญ) เข้าทางหลวงหมายเลข 3454 (วิเศษชัยชาญ-ผักไห่) ประมาณ 5 กิโลเมตร หรือจากตลาดศาลเจ้าโรงทอง ถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายตามคลองชลประทานประมาณ 3 กิโลเมตร วัดจะอยู่ซ้ายมือ